เที่ยวสถานเสาวภาฟาร์มงูในกรุงเทพฯ งูยักษ์งูน้อย เสียเงินไม่ถึงร้อย แต่ได้ความรู้เรื่องงูกลับมาเพียบ

งูในเมืองไทยนับว่ามีหลายสายพันธุ์อยู่นะ บางสายพันธุ์ก็หายากเอาเสียเหลือเกิน และเชื่อว่ามีน้อยคนนักที่จะรู้จักกับงูจริงๆ และเชื่อเลยว่าหลายๆคน เมื่อเจองูมักเลือกที่จะตีและทำร้ายงู เพราะตั้งแง่เอาไว้เสมอว่า งู คือสัตว์ดุร้าย หรือไม่ก็งูเป็นสัตว์มีพิษ ถามว่าผิดไหม ก็ไม่ผิดนะ เพราะชีวิตใครใครก็รัก บางคนดีหน่อย เรียกกู้ภัยมาจับงูปล่อยคืนสู่ธรรมชาติ แต่ในความเป็นจริงแล้ว งูไม่ได้มีพิษทุกสายพันธุ์ และทุกสายพันธุ์นั้นไม่ได้เป็นงูที่มีนิสัยดุร้าย จะดีกว่าไหม หากเราหันมาเรียนรู้งูแบบจริงๆจังๆ เพื่อเซฟทั้งชีวิตเราและชีวิตงู และแน่นอนว่าทางไปมายังมีฟาร์มงูดีๆมาแนะนำทุกท่านอย่างเช่นเคย นั่นคือ สถานเสาวสภา สภากาชาดไทย

ขอบคุณภาพถ่ายจากสถานเสาวภา สภากาชาดไทย 

สถานเสาวสภา สภากาชาดไทย แค่อ่านชื่อก็รู้เลยใช่ไหมล่ะ ว่าอยู่ในรั่วรอบขอบเดียวกันกับสภากาชาดไทย หากใครมาบริจาคเลือดเสร็จแล้ว หรือระหว่างรอคนมาบริจาคเลือด แนะนำว่าให้เปลี่ยนเวลารอ เป็นเวลาแห่งการเรียนรู้ในราคาไม่ถึงหลักร้อยจะดีมากเลย เพราะว่า สถานเสาวสภา สภากาชาดไทย มีข้อมูลครบครับสำหรับเรื่องงูๆ แบบไม่งงงวย เพราะทางเจ้าหน้าที่นั้นจัดแจงสถานที่ได้อย่างเป็นระบบระเบียบ มีการวางป้าย และให้ข้อมูลได้อย่างเข้าใจโดยง่าย ก่อนจะเล่าถึงความสนุกและน่าไปของ สถานเสาวสภา สภากาชาดไทย ทางเราขออนุญาตเรียบเรียงประวัติเพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้ก่อตั้งโดยสั้น ดังนั้น สถานเสาวสภา สภากาชาดไทย แต่เดิมนั้นถูกสร้างโดยเจตจำนงของพระบรมวงศานุวงศ์ 4 พระองค์ได้แก่ 1.จอมพลเรือ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ 2.พระเจ้าบรมวงศ์เธอ  พระองค์เจ้าศศิพงศ์ประไพ 3.กรมพระนครสวรรค์วรพินิต พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพิสมัยพิมลสัตย์ และ  4.พลเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้า บุรฉัตรไชยากร กรมพระกำแพงเพ็ชรอัครโยธิน พร้อมญาติๆที่ร่วมบริจาคทุน เพื่อจัดตั้งสภากาดชาด และแบ่งกำไรจากทุนจำนวนหนึ่งไปสร้างตึกเพื่อเลี้ยงสัตว์น้ำมีพิษ ซึ่งรวมงูน้ำและงูทะเลที่มีพิษด้วยด้วย ตึกแห่งนี้ถูกก่อตั้งเมื่อปี 2472 ต่อมาในภายหลังตึกตั้งกล่าวนั้นทรุดโทรม จึงมีการรื้อถอนละจัดสร้างตึกใหม่ที่ทันสมัยและคงทนกว่าเดิม รวมทั้งยังดำเนินการเรียนสัตว์มีพิษหลากหลายสายพันธุ์มากขึ้น รวมทั้งงูด้วย เพระานอกจากจะใช้เป็นสถานศึกษาสัตว์มีพิษแล้ว ยังเป็นสถานที่ผลิตเซรุ่มของงูสายพันธุ์ต่างๆ เพื่อนำไปช่วยเหลือคนอีกด้วน ที่เจ๋งไปกว่านั้นคือเป็นสวนงู หรือ Snake Farm แห่งนี้ เก่าแก่เป็นอันดับสองของโลกเชียวนะ

มาดูกันว่าหากเข้าไป สถานเสาวสภา สภากาชาดไทย แล้วนั้นมีอะไรให้ทำบ้าง แน่นอนแหละว่ามีนิทรรศการงูหลากหลายสายพันธุ์จัดแสดงให้ชม ณ ชั้นหนึ่งของตัวอาคาร และมีข้อมูลให้อ่านด้วยว่า แต่ละตัวนั้นมีพฤติกรรมอย่างไร กินอะไรเป็นอาหาร ออกลูกเป็นตัวหรือเป็นไข่ งูสายพันธุ์ไหนมีพิษ งูสายพันธุ์ไหนไร้พิษ ตรงนี้แหละที่เราสามารถกอบโกยความรู้เกี่ยวกับงูได้มากที่สุด งูบางตัวลวดลายสวยงามมาก แต่มีพิษสูง กลับกันกับงูที่ลวดลายดูน่ากลัวแต่ไร้พิษ แต่ถึงอย่างไรก็ตามหากโดนกัด ต่อให้ไม่มีพิษก็เจ็บไม่น้อยเลยนะ ซึ่งทุกตัวอยู่ในตู้กระจกหรือกล่องที่แน่นหนา ไม่ต้องกลัวนะว่าเจ้างูจะโผลฉกเข้าให้

หากดูงูไปดูงูมา แล้วเกิดคำถามขึ้นในใจ คำถามที่นอกเหนือข้อมูลที่ทาง สถานเสาวสภา สภากาชาดไทย แจกแจงเอาไว้นั้น ท่านสามารถสอบถามวิทยากรของ สถานเสาวสภา สภากาชาดไทย ได้เลยนะ เขาเตรียมพร้อมและมีคำตอบเกี่ยวกับงูทุกสายพันธุ์ที่จัดแสดงให้ท่านเสมอ ที่สำคัญการอธิบายนั้นเข้าใจง่าย กระจ่างและชัดเจนเป็นอย่างดี

หากดูงูมีชีวิตหนำใจแล้ว ให้ขึ้นไปยังชั้นสองของตัวอาคารจะพบกับนิทรรศการงูที่ไร้ซึ่งชีวิต ได้แก่ โครงกระดูกของงู งูดองในขวด อวัยวะภายในของงู มากมายหลายสายพันธุ์เช่นกัน ทำให้ได้รู้เลยว่าทำไมงูถึงเคลื่อนตัวโดยการเลื้อยไปมา เพราะมีโครงสร้างของกระดูกที่ถี่มากๆตั้งแต่หัวจรดหาง จึงทำให้งูนั้นเคลื่อนไหวไปมาได้อย่างรวดเร็วแม้ว่าจะไม่มีขาเดือนเหมือนกิ้งกือหรือตะขาบก็ตาม หากถึงภาพไม่ออกให้นึกถึงขาตะขาบหรือกิ้งกือก็ได้ ลักษณโครงกระดูกของงูเป็นเช่นนั้นเลย แต่ดูภาพไม่ถึงใจเท่ากับมาดูของจริงหรอกนะ อย่างว่าสิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น

เดินไปเดินมา อยากให้เช็คเวลาบนหน้าจอมือถือหรือนาฬิกาข้อมือสักนิดหนึ่ง ว่าใกล้เวลา 11.00 น. หรือยัง หากใกล้แล้ว เตรียมตัวพบกับความตื่นเต้นได้เลย เพราะเจ้าหน้าที่ของ สถานเสาวสภา สภากาชาดไทย จะทำการโชว์รีดพิษงู หรือที่เราทางการแพทย์นำไปใช้ทำเซรุ่มช่วยคนที่ถูกงูมีพิษกัดนั่นเอง ซึ่งการโชว์รีดพิษงูนั้น เจ้าหน้าที่จะทำการในห้องกระจก เพื่อความปลอดภัยของผู้ชมทั้งหลายนั่นเอง ระหว่างการรีดพิษงูก็จะมีวิทยากรอธิบายขั้นตอนต่างๆอย่างละเอียด

พิษบางส่วนที่ถูกรีดออกมาแล้ว จะถูกบรรจุลงในบรรจุภัณฑ์ที่ดูน่ารักสีสันสดใส มีรูปงูและชื่องูพิมพ์ติดบรรจุภัณฑ์อย่างชัดเจน เพื่อป้องกันความผิดพลาดในการหยิบใช้ หรือส่งต่อนั่นเอง จะเห็นได้ว่าทาง สถานเสาวสภา สภากาชาดไทย ทำแพ็กเกจออกมาได้น่ารักมาก

หากที่กล่าวมายังตื่นเต้นไม่พอ ขอเชิญท่านไปพบกับการแสดงจับงูด้วยมือเปล่า ซึ่งน่าตื่นเต้นมากเลย อย่าไปทะลึ่งจับกันเอาเองเล่นๆนะ เพราะเจ้าหน้าที่ที่มาจับงูด้วยมือเปล่าทุกคนของ สถานเสาวสภา สภากาชาดไทย ล้วนผ่านการฝึกฝนมาเป็นระยะเวลานาน ระหว่างนั้น เจ้าหน้าที่ที่เป็นวิทยากรก็จะปล่อยมุกออกมาบ้าง เพิ่มน้ำเสียงให้ตื่นเต้นขึ้นมาบ้าง ทั้งสนุกทั้งตลกเลย

หลังจากการโชว์งูเสร็จแล้ว ท่านๆที่ใจกล้าจะไปถ่ายรูปคู่กับงูก็ได้นะ แต่บอกก่อนเลยว่า ขึ้นชื่อว่างู ยังไงก็ไม่มีวันเชื่อง ขอเพียงแค่ทำตามคำสั่งของเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัดก็พอแล้ว และต้องเตรียมรับน้ำหนักของเจ้างูให้ดีๆ เพราะตัวที่จะได้ถ่ายรูปคล้องคอนั้น คือ พี่เบิ้มสีเหลืองทองอย่างในภาพนั่นเอง ดูๆไปงูก็น่ารักเหมือนกันนะเนี่ยะ

นอกจากนี้แล้ว สถานเสาวสภา สภากาชาดไทย ยังมีการจัดฝึกอบรมวิธีการจับงูและปฐมพยาบาลเบื้องต้น เมื่อถูกงูกัด และจัดประกวดวาดภาพ “สวนงูของฉัน “จากหนูน้อยทั้ง 3 รุ่น คือ 3-5 ปี 6-8 ปี และ 9 -12 ปี หากใครสนใจแนะนำว่าให้ติดตามข่าวสารจากเว็บไซต์ของ สถานเสาวสภา สภากาชาดไทย ได้เลย

และนี่คือผลงงานของ ด.ช.พิชญะ ศรีประพันธ์ หรือน้องติวเตอร์ อายุ 8 ปี ได้รับรางวัลชนะเลิศในรุ่น 6-8 ปี นับว่าสมศักดิ์ทีเดียว เพราะทั้งไอเดียและสไตล์การวาด รวมทั้งการลงสีนั้น แต่ละจุดต้องใช้ความเพียรพยายาม และความมานะเป็นอย่างมาก สมกับคำว่า “เรียบแต่โก้” จริงๆ


ค่าเข้าชม สถานเสาวสภา สภากาชาดไทย
สำหรับชาวไทย
– ผู้ใหญ่ 40 บาท
-นักเรียน นิสิต นักศึกษา ที่แสดงบัตร 20 บาท
– เด็ก 10 บาท
สำหรับชาวต่างชาติ
– ผู้ใหญ่ 200 บาท
– เด็ก 50 บาท
เวลาทำการ
วันจันทร์ – วันศุกร์ เวลา 09.30  – 15.30 น.
วันเสาร์ – อาทิตย์ ปิดทำการ เนื่องจากสถาณการณ์การระบาดของ Covid – 19                              เวลาในการปิด – เปิด และเวลาในการจัดแสดงกิจกรรมต่างๆนั้น อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม เพราะว่าสถานการณ์โควิดในปัจจุบัน ดังนั้นแล้ว เพื่อความชัวร์ขอให้ผู้อ่านทุกท่านเช็คประกาศบนเว็บไซต์ หรือ บน Facebook ของ สถานเสาวสภา สภากาชาดไทย หรือ โทรศัพท์ไปตามหมายเลขที่ทางเราแจ้งไว้ จะเป็นการดีที่สุด
ที่ตั้ง
1871 ถนนพระรามที่ ๔ แขวง ปทุมวัน เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร 10330
การเดินทาง
ให้ใช้ถนนพระรามสี่จะง่ายมาก จากนั้นให้เลี้ยวเข้าซอยสถาบันการพยาบาลศรีสวรินทิรา สภากาชาด หรือหากมาไม่ถูกจริงๆ สามารถคลิก การเดินทางคลิกที่นี่ ได้เลย

คุณพึงพอใจกับโพสต์นี้หรือไม่

ให้คะแนนโพสต์

ความพึงพอใจโดยรวม 4.9 / 5. นับคะแนน 88

โพสต์ยังไม่มีคะแนน คุณสามารถเป็นคนแรกที่ให้คะแนนเรา