กรุงเทพฯ ไป เกาะเต่า
กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวชื่อดัง ติดลิสต์อันดับโลกแน่นอน เพราะถ้าเอ่ยถึง “เกาะเต่า” คงไม่มีใคร ไม่รู้จัก เกาะแห่งนี้มีชื่อเสียงอย่างมากในประเทศไทย และโด่งดังไปหลายประเทศทั่วโลก เป็นสวรรค์ของคนที่รักการดำน้ำลึก ชมธรรมชาติใต้ท้องทะเล และยังมีโรงเรียนสอนดำน้ำมากมายตั้งอยู่ที่นี่ ทำให้เป็นอีกหนึ่งแรงบันดาลใจที่นักท่องเที่ยวอยากมาเยือน แน่นอนว่า การเดินทางมาเกาะเต่า ที่สะดวกที่สุด ก็คือการนั่งเครื่องบิน และต่อเรือข้ามฝั่งมายังเกาะ นอกจากนี้ก็ยังมีวิธีการเดินทางด้วยรถทัวร์ รถไฟ ที่แบ็กแพ็กเกอร์ชื่นชอบ แม้จะมีงบจำกัด ก็สามารถมาเที่ยวเกาะเต่าได้แบบเต็มอิ่ม
การเดินทางมาเกาะเต่า ไม่ยุ่งยากซับซ้อน เหมาะจะใช้เวลาอยู่ที่นี่ตั้งแต่ 3 วัน 2 คืน หรือมากกว่านั้น ซึ่งจะมีวิธีเดินทางที่ถูกและดียังไงบ้างล่ะก็ ไปดูพร้อม ๆ กันเลยค่ะ
การเดินทางจากกรุงเทพฯไปเกาะเต่า โดยเครื่องบิน
ต้องเล่าก่อนว่า การเดินทางมาเกาะเต่าด้วยเครื่องบินนั้น มีตัวเลือกอยู่ 2 แบบที่มักจะนิยมกันค่ะ คือนั่งเครื่องลงที่สนามบินสุราษฎร์ หรือสนามบินชุมพร เพราะ 2 จังหวัดนี้ จากท่าเรือจะมีระยะใกล้เคียงกันในการเดินทางต่อไปยังเกาะเต่า ดังนั้นเราเลือกได้ตามสะดวก ตามแต่เวลาของไฟล์ทบินได้เลย
หากจะมาลงที่สนามบินสุราษฎร์ธานี สามารถลงแบบรูทเดียวกับการมาเที่ยว เกาะสมุย เกาะพะงันได้เลย ตามนี้เลยค่ะ มีสายการบินให้เลือกดังนี้ คือ Nok ari , Air Asia ,Thai Lion Air ขึ้นจากสนามบินดอนเมือง Thai Smile และ VietJet Air ขึ้นจากสนามบินสุวรรณภูมิ ราคาเฉลี่ยที่ 1,300 -2,500 บาท ต่อเที่ยว ขึ้นอยู่กับช่วงเทศกาลด้วย หากเป็นวันหยุดยาว อาจจะมีราคาแพงขึ้นมาเล็กน้อย เริ่มต้นไฟล์ทแรก ประมาณ 06.15 น. และไฟล์ทสุดท้าย จะอยู่ที่ประมาณ 21.45 น. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชม. – 1 ชม. ครึ่ง จากนั้นถึงจะต่อรถไปยังท่าเรือ และข้ามเรือไปยังเกาะเต่า ใช้เวลา 3 ชม. โดยประมาณค่ะ
ส่วนใครที่จะนั่งมาลงสนามบินชุมพร จะมีตัวเลือกน้อย และรอบบินที่จำกัดค่ะ มี 2 สายการบิน คือ Nok ari และ Air Asia ไฟล์ทแรก เริ่มเวลา 11.55 น. – ไฟล์ทสุดท้าย 16.20 น. ใช้เวลาเดินทาง 1 ชม. 10 นาที ราคาเริ่มต้นต่อเที่ยวอยู่ที่ 1,500 -2,000 บาท จากนั้นเมื่อถึงสนามบิน ก็ต่อรถไปยังจุดขึ้นเรือที่ชุมพรค่ะ และจะมุ่งหน้าไปยังเกาะเต่า ใช้เวลา 2.30 น. ค่ะ
การเดินทางจากกรุงเทพฯไปเกาะเต่า โดยรถทัวร์
สำหรับการเดินทางไปยังเกาะเต่าด้วยรถทัวร์ ก็ถือว่าเป็นอีกทางเลือกยอดนิยมค่ะ เพราะว่าสะดวก ราคาเบาสบาย และถูกใจสายแบ็กแพ็กเกอร์ ไม่ต้องกังวลเรื่องโหลดสัมภาระที่สนามบิน ไม่ต้องซื้อน้ำหนักกระเป๋าเพิ่ม แต่การเดินทางด้วยวิธีนี้ จะเดินทางกับบริษัทรถของลมพระยา ที่พ่วงแพ็กเกจเรือข้ามฟากมาให้เลยค่ะ ถือว่าคุ้มมาก จะมีเที่ยวรถออกเดินทางตอนดึก แล้วไปถึงท่าเรือที่ชุมพรตอนเช้า จากนั้นก็จะข้ามเรือไปยังเกาะเต่าได้เลย รอบที่น่าสนใจคือเดินทางออกจากกทม. เวลา 21.00 น. และไปถึงท่าเรือที่ชุมพร ประมาณ 05.00 น. จากนั้นจะมีรถพาเราไปยังท่าขึ้นเรือตอนเวลา 7.30 น. และจะถึงเกาะเต่าในเวลา 9.30 น. ถือว่าใช้เวลาเดินทางทั้งหมด 12-13 ชม. ค่ะ ราคาจะอยู่ที่ 1,250 บาท (รวมค่าเรือแล้ว) คิดเป็นราคาต่อเที่ยว และต่อคนค่ะ
การเดินทางจากกรุงเทพฯไปเกาะเต่า โดยรถไฟ
แน่นอนว่าการเดินทางไปเกาะเต่า สามารถใช้เส้นทางทั้งจังหวัดสุราษฎร์ธานีและชุมพร 2 จังหวัดนี้จะเดินทางสะดวกที่สุด แต่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะเลือกลงรถไฟที่สถานีชุมพรค่ะ เนื่องจากพอมาถึงท่าเรือ และต่อเรือแล้ว จะใช้เวลาเดินทางไปเกาะเต่าแค่ 2 ชั่วโมงครึ่งเท่านั้น ประหยัดเวลากว่าเดินทางไปที่สุราษฎร์ธานี และการเดินทางมาลงที่สถานีชุมพร จะมีรอบรถไฟที่ถือว่าสะดวกสบายมาก เดินทางตอนกลางคืน และจะมาถึงที่สถานีช่วงเช้า จากนั้นก็สามารถต่อรถ ไปยังท่าเรือข้ามไปเกาะเต่าได้เลย
สำหรับขบวนรถไฟ และรอบขึ้นรถไฟที่น่าสนใจ มีดังนี้ค่ะ 1. รถไฟขบวน 85 เป็นแบบตู้นอน เส้นทางกรุงเทพฯ-นครศรีธรรมราช ออกเวลา 19.30 น. ไปถึงชุมพรประมาณ 05:52 น. ใช้เวลาเดินทางราว ๆ 11 ชม. สำหรับขบวนนี้จะมีประเภทที่นั่งและเตียงนอน ถ้าเป็นที่นั่งพัดลมชั้น 3 จะราคาอยู่ที่ 232 บาทชั้น 2 อยู่ที่ 340 บาท ส่วนชั้น 1 รถปรับอากาศจะมีเตียงนอน เตียงนอนชั้นบน ราคาอยู่ที่ 994 บาทเตียงล่าง 1,194 บาทและยังมีราคาเหมาห้องเฉลี่ยอยู่ที่ 1,400 -1,600 บาท
2. รถไฟขบวน 39 รถด่วนพิเศษ เส้นทางกรุงเทพชุมพร ออกจากหัวลำโพงเวลา 22:05 น และถึงชุมพร เวลา 7.00 น ราคาค่าโดยสาร 510 บาท โดยทั้ง 2 ขบวนจะมีอาหารให้บริการด้วย ใครสะดวกแบบไหน ก็เลือกได้ตามใจชอบเลย จะนั่งมาชิล ๆ หรือนอนหลับเอาแรงไว้เล่นน้ำก็ได้ แต่การเดินทางด้วยรถไฟ ถือว่ามีราคาย่อมเยาว์ แม้จะต้องใช้เวลามากสักหน่อย แต่ถ้ามีเพื่อนมาด้วย จะสนุกสนานมาก
การเดินทางจากกรุงเทพฯไปเกาะเต่า โดยเรือเฟอร์รี่
สำหรับตารางเรือข้ามไปยังเกาะเต่า จะมี 2 เส้นทางค่ะ คือ เส้นทางชุมพร-เกาะเต่า และสุราษฎร์ธานี – เกาะเต่า แต่จากชุมพรจะเป็นที่นิยมมากกว่า เนื่องจากใช้เวลาเพียง 2- 2.30 ชม. เท่านั้น และเรือที่ให้บริการเส้นทางชุมพร -เกาะเต่า มี 3 บริษัทด้วยค่ะกัน ได้แก่ เรือเร็วลมพระยา , เรือส่งเสริมเฟอร์รี่ และเรือนอน เรือนอนจะใช้เวลา 6 ชม. ในการเดินทาง ส่วนใหญ่จะเลือกรอบกลางคืน เพื่อที่จะมาถึงเกาะเต่าในช่วงเช้าพอดี ได้นอนชมวิว รับลม สัมผัสบรรยากาศแปลกใหม่ แต่ละบริษัทเรือ จะมีจุดขึ้นแยกกัน เช่น ท่าเรือทุ่งมะขามน้อย ให้บริการเรือสปีดโบ๊ทลมพระยา ค่าตั๋ว 650 บาท / เที่ยว ออกเวลา 08.00 น. ท่าเรือปากน้ำชุมพร ให้บริการ เรือส่งเสริมเฟอร์รี่ ราคา 500 บาท/ เที่ยว ออกเวลา 07.00 น. นอกจากนี้แต่ละบริษัทยังมีแพ็กเกจบริการรถรับในตัวเมืองชุมพร และสถานีรถไฟด้วย ค่าเรือก็จะรวมอยู่ที่ 1,000 -1,200 บาท
ส่วนเส้นทาง สุราษฎร์ธานี – เกาะเต่า มีท่าเรือให้บริการอยู่ 2 ท่าเรือ คือ ท่าเรือดอนสัก ให้บริการเรือส่งเสริมเฟอร์รี่ ใช้เวลาเดินทาง 4 ชม. ราคาเฉลี่ย 800 -900 บาท /เที่ยว เปิดบริการตั้งแต่ 08.00-18.00 น. แต่อาจจะมีการปรับเปลี่ยนเวลาเดินเรือช่วงสถานการณ์โควิดด้วยค่ะ , ท่าเรือลมพระยาตาปี ออกเดินทางรอบ 12.30น. ให้บริการเรือเร็วลมเจ้าพระยา ใช้เวลาเดินทาง 4 ชม. ราคา 950 บาท เที่ยว
นอกจากนี้ยังมีอีกหนึ่งทางเลือกค่ะ หากใครที่ข้ามไปยังเกาะสมุยแล้ว จะไปเกาะเต่าต่อ ให้ขึ้นเรือจากท่าเกาะสมุย ไปเกาะเต่าได้ ใช้เวลาเดินทาง เพียง 1.30 ชม. เท่านั้น ขึ้นเรือที่ ท่าเรือหน้าทอน (สมุย) ให้บริการเรือเร็วลมพระยา ราคา 600 บาท/ เที่ยว และท่าเรือพระลาน (สมุย) ให้บริการเรือเร็วลมพระยา ราคา 600 บาท/ เที่ยว เช่นกัน
ด้วยเสน่ห์ของการเดินทางในหลากหลายรูปแบบนี่เอง ถึงทำให้เกาะเต่า กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ใคร ๆ ก็อยากมา อยากจะลองมาสัมผัสว่าน้ำทะเลจะสวยใสสักแค่ไหน และอยากมาดำน้ำดูปะการัง มากกว่าจะมองผ่านรูปถ่าย ถือว่าเป็นอีก 1 เกาะในประเทศไทยที่มีวิวสวย และทำให้เราได้เต็มอิ่มไปกับการนั่งเรือชมวิวทะเล ถ้าใครยังลังเลจะเดินทางมาเที่ยวล่ะก็ ขอบอกเลยว่า ไม่ต้องกังวลค่ะ วางแผนการเดินทางดี ๆ เลือกการเดินทางให้เหมาะสมกับเวลา ก็จะช่วยให้ประหยัดงบในการท่องเที่ยวได้เยอะเลยทีเดียว
