ถือเป็นสถานที่วิวสวย บรรยากาศดีอีกแห่งหนึ่ง แถมอยู่ไม่ไกลจากเมืองกรุง น่าเดินทางมาพักผ่อนในช่วงวันหยุด หรือจะมาเที่ยวแบบวันเดย์ทริปก็ได้ด้วยนะ นั่นก็คือ “เกาะสีชัง” อยู่แค่ที่อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรีนี่เอง ขับรถไม่ถึง 2 ชม. ก็ได้มาสัมผัสกลิ่นอายทะเล นอนพักชาร์จพลังให้เต็มที่ สูดอากาศดี ๆ ให้เต็มปอด
นอกจากนี้เกาะสีชังยังมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ด้วย เนื่องจากในอดีตเคยเป็นสถานที่เสด็จประพาสและเป็นที่ประทับของพระเจ้าแผ่นดินของกรุงรัตนโกสินทร์ถึง 3 พระองค์ ได้แก่ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 และพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 สำหรับการมาเที่ยวเกาะสีชัง มีสถานที่เที่ยว และมุมพักผ่อนหลายจุด เหมาะที่จะพาครอบครัว เพื่อนฝูง หรือคนรัก มาเที่ยวสักครั้ง รับรองเลยว่าจะมีแต่ความประทับใจ แถมได้รูปไปลงโซเชียลอีกเพียบ
1. สะพานอัษฎางค์
ถ้าพูดถึงเกาะสีชัง ใคร ๆ ก็ต้องนึกถึงสะพานไม้สีขาวที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ หากลองเสิร์ชแฮชแท็ก #เกาะสีชัง รับประกันเลยว่า ภาพของแต่ละคนนั้น ต้องมีมุมที่มายืนถ่ายรูปตรงสะพานสีขาวแน่นอน โดยสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้สร้างขึ้น ซึ่งตัวสะพานจะมีแนวทอดยาวลงไปในทะเล สร้างด้วยไม้สักทั้งหลังและทาสี เป็นมุมมหาชนที่ต้องมาถ่ายรูปเป็นที่ระลึก หากไม่มีก็เหมือนมาไม่ถึงเกาะสีชัง นอกจากนี้ยังเป็นทำเลที่คู่รักชอบมาถ่ายพรีเวดดิ้งอีกด้วย การเดินทางคลิกที่นี่
2.พระจุฑาธุชราชฐาน
สถานที่สำคัญบนเกาะสีชัง ภาพตึกสุดคลาสสิคที่ตั้งอยู่บนเกาะสีชังแห่งนี้ ถูกสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 เพื่อเป็นที่ประทับในช่วงหน้าร้อน ประกอบไปด้วย 4 พระที่นั่ง มีภูมิทัศน์ที่งดงาม นอกจากมาเที่ยวถ่ายรูป ยังเหมือนได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ไปในตัวด้วย ลักษณะและรูปแบบของตึกอาคาร สร้างตามอย่างชาติตะวันตกในยุคสมัยนั้น ถือเป็นสถาปัตยกรรมที่ทรงคุณค่า และบางครั้งก็มีนักท่องเที่ยวต่างชาติสวมชุดไทยมาถ่ายรูปเป็นที่ระลึกเมื่อมาเยือนเมืองไทยกันด้วย การเดินทางคลิกที่นี่
3.ช่องเขาขาด
มุมท่องเที่ยวแบบธรรมชาติที่มีลักษณะเป็นภูเขาขาดออกจากกัน และด้วยอาจจะเป็นเพราะเหตุนี้ จนทำให้กลายเป็นที่มาของชื่อช่องเขาขาด ถ้ามาเที่ยวเล่นในช่วงเย็น จะเป็นมุมชมพระอาทิตย์ตกดินที่สวยงามมาก ใครที่เป็นสายถ่ายภาพ ชอบชมวิวสบายตา สบายใจ คงมีความสุขสุด ๆ เห็นคลื่นทะเลซัดกระทบเข้าฝั่งภูเขา เหมาะสำหรับมานั่งชิว ฟังเพลง ปล่อยใจให้สบาย หรือจะพกหนังสือเล่มโปรดมานั่งอ่านก็เป็นไอเดียที่ดี และด้วยถนนที่ทอดยาวไปตามแนวช่องเขา ยังสามารถเดินเล่นไปได้เรื่อย ๆ ไม่มีเบื่อ การเดินทางคลิกที่นี่
4.แหลมจักรพงษ์
อีกจุดชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงามมาก มีนักท่องเที่ยวมารอชมทั้งพระอาทิตย์ขึ้น และพระอาทิตย์ตก ได้ฟีลแบบอยู่ทะเลต่างประเทศเลยก็ว่าได้ เพราะบรรยากาศที่เงียบสงบ มีเพียงธรรมชาติ นอกจากนี้ยังมีชาวบ้านและนักท่องเที่ยวนิยมมาตกปลาด้วย เพราะมีทั้งปลาน้อยใหญ่ที่เอาไปทำอาหารกิน แถมยังมีความสดใหม่ รสชาติอร่อย ส่วนมุมต่าง ๆ ตรงจุดนี้ ก็เหมาะกับสาว ๆ ที่อยากพกชุดสวย สีสันสดใสมาถ่ายรูป มาเที่ยวทั้งทีต้องต้องจัดแต่พร็อบเริ่ด ๆ มาน๊า การเดินทางคลิกที่นี่
5.ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่
ถือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวบ้านและผู้คนบนเกาะให้ความเคารพและสักการะกราบไหว้ หากมาเยือนเกาะสีชัง แนะนำว่าให้มาไหว้ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ด้วย เพื่อขอพร เพิ่มสิริมงคลให้กับชีวิต ก็คล้าย ๆ กับสำนวนที่ว่า เข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม หากเราอยู่เมืองกรุง ก็คงจะไปไหว้ศาลหลักเมือง แต่พอมาเที่ยว เราก็ผ่านมาเคารพสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในท้องถิ่นนั้น ๆ สักหน่อย โดยศาลเจ้าจะมีทางให้เดินขึ้นไป แต่ก็มีความสูงชันเอาเรื่องเลย ใครเดินไม่ไหวก็สามารถขึ้นรถรางไปได้ จะได้เป็นทริปที่มาเที่ยว ได้ทั้งความอิ่มเอมใจ และอิ่มเอมบุญ การเดินทางคลิกที่นี่
6.รอยพระพุทธบาท
เมื่อมาไหว้ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่แล้ว บริเวณใกล้กัน ยังมีนักท่องเที่ยวมากราบไหว้สักการะรอยพระพุทธบาทด้วย รวมไปถึงชมความงามจากมุมสูงของเกาะแห่งนี้ ที่จะเห็นตัวเมืองเกาะสีชัง และน้ำทะเลจรดขอบฟ้าแบบสุดลูกหูลูกตา สำหรับรอยพระพุทธบาทนั้น ตามประวัติเคยเล่ากันมาว่า พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นดำรงราชานุภาพ ได้ศิลารอยพระพุทธบาทโบราณมาจากพุทธคะยา ประเทศอินเดิย ซึ่งเป็นที่ตั้งแห่งพระพุทธศาสนาในกาลก่อน เป็นที่เฉลิมพระราชศรัทธาพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดให้เชิญรอยพระพุทธบาทนั้น ขึ้นไปประดิษฐาน ณ ไหล่เขายอดพระจุลจอมเกล้า ไว้เป็นที่สักการะของราษฎรชาวพุทธ การเดินทางคลิกที่นี่
7.FlowerBlue Coffee & Bistro
เดินเล่นเหนื่อย ๆ มาทั้งวัน ลองมาแวะพักหลงร้อนที่คาเฟ่บรรยายกาศดีสักหน่อยมั้ย เช็คอินร้านกาแฟสุดน่ารัก บรรยายโรแมนติกริมทะเล ล้อมรอบไปด้วยต้นไม้สีเขียว ดูแล้วสดชื่นสบายตา มีเครื่องดื่มเสิร์ฟหลากหลาย พร้อมขนมเบเกอรี่รสชาติอร่อย นอกจากนี้ยังมีอาหารต้อนรับลูกค้าที่หลากหลายด้วย เช่น สเต็กหมู สเต็กไก่ สปาเก็ตตี้ ขนมปังปิ้ง ไข่กระทะ เบอเกอร์ไส้ต่าง ๆ ที่พร้อมเสิร์ฟเป็นมื้อเช้าต้อนรับนักท่องเที่ยวบนเกาะด้วย การเดินทางคลิกที่นี่
8.หาดท่ายายทิม
ที่เที่ยวตรงจุดนี้ อาจจะต้องมีการเช่ารถตุ๊ก ๆ บนเกาะออกมาเที่ยวสักหน่อย หรือถ้าใครชอบผจญภัยเป็นสายลุย ขี่มอเตอร์ไซค์มาเองก็ได้นะ ก่อนจะถึงริมหาดท่ายายทิม จะผ่านภูเขาหินลูกใหญ่ ที่มีร่องรอยการระเบิดหิน แล้วนำไปใช้งานในอุตสาหกรรมก่อสร้างต่าง ๆ จนตอนนี้กลายเป็นมุมถ่ายรูปสุดชิคของเหล่าวัยรุ่นไปแล้ว ด้วยฉากหลังเป็นผืนภูเขาสีขาว ถ้าใส่เสื้อสีจี๊ด ๆ มาสักตัว บอกได้เลยว่า รูปนี้จะปังมาก ส่วนตรงหาดท่ายามทิม เป็นหาดที่สวยงามอีกแห่งหนึ่งบนเกาะสีชัง คู่ควรกับการมาถ่ายรูป และลงเล่นน้ำได้ด้วย การเดินทางคลิกที่นี่
9.ปารีฮัท รีสอร์ท เกาะสีชัง
ที่พักสุดโรแมนติกที่มีชื่อเสียงโด่งดังมาก เพราะเป็นฉากถ่ายทำละครหลายเรื่อง แล้วแต่ละฉากนั้นก็ดูสวีทเหลือเกิน หากอยากมานอนพักที่นี่แนะนำว่าต้องจองล่วงหน้าเผื่อเวลาไว้สักหน่อย เพราะคิวยาวจริง ๆ ด้วยบรรยากาศติดริมทะเล มีความใกล้ชิดกับธรรมชาติ ใคร ๆ ก็ชื่นชอบที่นี่ ที่พักเป็นรูปทรงกระโจมไม้ ตั้งอยู่บนพื้นที่เกาะริมทะเล ได้ความเป็นส่วนตัว เพราะมีห้องเพียงไม่กี่ห้องเท่านั้น ยามค่ำคืนแสงไฟสลัว ๆ เหมาะกับการนั่งจิบเบียร์เย็น ๆ สักแก้ว และอะไรจะมีความสุขไปกว่าตื่นเช้ามาได้นั่งทานอาหารมองวิวทะเลที่อยู่ตรงหน้า การเดินทางคลิกที่นี่
10.หาดถ้ำพัง (อ่าวอัษฎางค์)
หาดถ้ำพัง เป็นหาดในเกาะสีชังที่น่าเล่นน้ำที่สุดเลยก็ว่าได้ เพราะว่ามีน้ำทะเลใส หาดทรายสวย มีเต็นท์ผ้าใบให้บริการตลอดทั้งวัน ใครจะพาครอบครัว เพื่อนฝูงมานั่งทานอาหารรับลมทะเลก็ถือเป็นไอเดียที่ดีมาก ๆ สำหรับที่มาอีกชื่อหนึ่ง จากหาดถ้ำพัง มาเป็นอ่าวอัษฎางค์ นั้นสันนิษฐานว่า เป็นชื่อที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ได้พระราชทานชื่อเพื่อเป็นอนุสรณ์แก่ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้าอัษฎางค์เดชาวุธ ที่ทรงประชวรและเสด็จแปรพระราชฐานมาประทับเกาะสีชัง จนมีพระอาการดีขึ้นในเวลา 1 เดือน นอกจากนี้ยังมีมุมถ่ายรูปเก๋ ๆ อีกเพียบเลยบริเวณหาดถ้ำพัง งานนี้เตรียมชุดเล่นน้ำ ห่วงยาง พร็อบต่าง ๆ มาถ่ายรูปกันได้เลย การเดินทางคลิกที่นี่
