รีวิวเที่ยววัดพระแก้ว สถานที่เที่ยวที่โด่งดังไปทั่วโลก


วัดพระแก้ว หรือ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม เป็นวัดที่หลายคนให้การยอมรับว่าสวยงาม มีจิตกรรมต่างๆจัดแสดงอย่างสวยงาม แถมประติมากรรมแต่ละชิ้นของวัดพระแก้วนั้นบ่งบอกได้เลยว่า ศิลปินแต่ละท่านตั้งใจรังสรรค์ผลงานทุกชิ้น ดูได้จากความละเอียดลออของผลงาน แถมการสร้างวัดแห่งนี้นั้น ถูกออกแบบมาเป็นอย่างดี ทำให้บริเวณวัดนั้น ดูเป็นสัดส่วน และดูมีระเบียบเป็นอย่างมาก

ขอบคุณภาพจากวัดพระแก้ว


ก่อนที่จะพาคุณผู้อ่านไปทัวร์วัดพระแก้ว ขอกล่าวถึงประวัติความเป็นมาของสถานที่ศักดิ์สิทธ์ิแห่งนี้สักหน่อยดีกว่า เพื่อเป็นการระลึกถึงผู้คิดริเริ่มก่อสร้าง วัดพระแก้วถูกสร้างมาประมาณสองร้อยปีกว่าๆแล้ว ว่ากันว่าสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2325 สร้างโดยการโปรดเกล้าฯของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (รัชกาลที่ ๑) นับเป็นวัดพระราชวังหลวงในสมัยอยุธยา จุดประสงค์ของการสร้างวัดแห่งนี้ ก็เพื่ออัญเชิญพระแก้วมรกตจากประเทศลาว มาประดิษฐานนั่นเอง วัดพระแก้วได้รับการบูรณะและการดูแลที่ดีมามาตลอด จึงทำให้สภาพของวัดแห่งนี้มีความสมบูรณ์จวบจนปัจจุบัน

ก่อนที่จะเข้าวัดไปรับชมประติมากรรมต่างๆ รวมทั้งไปสักการะขอพระสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ต้องบอกเลยว่า ทุกคนควรแต่งกายให้เรียบร้อย เป็นสุภาพชน ไม่ใส่เสื้อแขนขุด เสื้อเปิดไหล่ กางเกงขาสั้น กางเกงขาสามส่วน กระโปรงสั้นเหนือเข่า กางเกงยีนส์แฟชั่นแบบขาดๆ แต่หากไม่ได้เตรียมการอะไรมา ก็ไม่ต้องตกใจนะ คุณจะไม่เสียเที่ยวแน่นอน เพราะว่าทางวัดเขามีชุดสุภาพจัดเตรียมให้เปลี่ยนฟรี แต่ต้องวางเงินประกันและบัตรประชาชนเอาไว้ เที่ยวอิ่มเมื่อไหร่ค่อยมาเอาคืนได้ค่ะ แต่เอาจริงๆนะ หากใส่เสื้อผ้าแบบสุภาพๆของเราเองไปเลย จะสะดวกมาก ไม่ต้องไปเสียเวลาเปลี่ยนชุด เพราะบางครั้งมีนักท่องเที่ยวเยอะ คุณก็ต้องรอคิว เอาเวลาตรงนี้ไปกราบไหว้ขอพรพระดีกว่าค่ะ

คราวนี้ทางเราจะพามาชมจุดต่างๆภายในวัดพระแก้วกัน ว่ามีอะไรให้ชมและมีพระองค์ใดที่ควรไปสักการะบ้าง แบบห้ามพลาดบ้าง แม้คนจะเยอะแค่ไหน ก็ต้องไปให้ได้ เมื่อเข้ามาถึงในวัด สิ่งที่คุณจะได้เห็นแบบไม่ต้องสังเกตเลย ก็คือ ยักษ์ ตัวยักษ์ใหญ่สง่างาม ยืนเฝ้าประตูซ้ายขวา และยังมียักษ์อีกหลายตน นับรวมแล้วมี 12 ตน ที่ถูกนำมาจัดวางเอาไว้อย่างน่าเกรงขาม ยักษ์แต่ละตนนั้น ดูมีอิทธิฤทธิ์ ดูมีชีวิตมากๆ และที่สำคัญยักษ์ทั้ง 12 ตนล้วนเป็นศัตรูคู่ต่อสู้ของพระรามในรามเกียรติ์ทั้งนั้นเลย หากให้พิจารณาจากความสมบูรณ์ของยักษ์แต่ละตนนั้น เชื่อว่าหลายๆคนคงคิดว่าเพิ่งสร้างในไม่กี่สมัยที่ผ่านมา แต่จะบอกเลยว่ายักษ์ทุกตนถูกสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๓ เป็นยังไงล่ะ อึ้งทึ่งกันเลยใช่ไหมล่ะ เพราะยักษ์ทุกตนดูใหม่มากๆ คุณสามารถถ่ายภาพได้ตามสบายเลยนะคะ มีบางคนถ่ายภาพของยักษ์ที่นี่ และเอาไปล้างภาพ เพื่อนนำมาบูชาด้วย ในทางเล่นแร่แปลธาตุแล้ว เชื่อกันว่า ยักษ์สามารถขับไล่สิ่งชั่วร้ายออกไปจากบ้านได้ นั่นเป็นเหตุว่าทำไม ถึงต้องมียักษ์เฝ้าประตูวัดพระแก้ว 

ขอบคุณภาพจากวัดพระแก้ว

ระหว่างทางที่เดินมาคุณจะเห็นภาพวาดจิตกรรมบนผนังที่มีความสวยงามมากๆ บอกเล่าเรื่องรามเกียรติ์ มีตัวละครต่างๆถูกวาดด้วยความประณีต ลงด้วยสีสันต่างๆ แต่ส่วนมากจะเน้นสีทองเป็นหลัก ทำให้ภาพวาดดูหรูหรา ไม่ตกสมัย สมกับความเป็นวัดวังมากๆ หากใครเรียนหรือพอจะจำเรื่องราววรรณคดีรามเกียรติ์ในหนังสือได้ ก็จะสามารถลำดับเหตุการณ์และเข้าใจภาพเหตุการณ์ต่างๆบนผนังที่ถูกวาดเอาไว้ได้ เพลินดีนะบอกเลย นอกจากรามเกียรต์ิแล้ว ยังภาพวาดจิตรกรรมอื่นๆที่สวยงามอีกด้วยค่ะ ทุกอย่างสามารถ่ายภาพได้นะ แต่ห้ามเอามือไปจับไปหรือขูดขีดเด็ดขาด เพราะกว่าจิตรกรจะวาดได้สักภาพนั้น ใช้เวลาและความตั้งใจไม่น้อยเลย ที่สำคัญผิดกฏนะคะ อาจโดนปรับได้ 

 ขอบคุณภาพจากวัดพระแก้ว

เมื่อชมภาพวาดจิตกรรมเรียบร้อยแล้ว แนะนำว่าให้เดินต่อเข้ามาข้างในอีกสักนิด คุณจะพบกับสถาปัตยกรรมที่สวยสง่า ยิ่งไปตอนมีแดดจะสวยมากเป็นพิเศษ เพราะแสงอาทิตย์ตกกระทบกับเกล็ดแก้วประดับหลากสีสัน ทำให้มองเห็นสถาปัตยกรรมระยิบระยับอย่างสวยงาม มีเสน่ห์มากๆ รสที่รับมาบอกเลยว่าสู้พระราชวังแวร์ซายของฝรั่งเศสได้สบายๆเลย ไม่งั้นฝรั่งคงไม่มาเสพศิลปะในวัดพระแก้วกันหรอก จริงไหมคะ? ตรงนี้ขอชื่นชมเรียงรายเกล็ดแก้วประดับ เพราะมีความอดทน อดกลั้นสูงมาก กว่าจะเรียงจบครบรอบ น่าจะเหงื่อตกไม่น้อยเลย

ขอบคุณภาพจากวัดพระแก้ว

สถาปัตยกรรมแต่ละหลังมีความโดดเด่นต่างกัน แต่ที่ชอบสุดเลย คือความครีเอทีฟของผู้สร้าง ที่ปั้นยักษ์ขนาดกลางหลายตนขึ้นมาล้อมรอบประติมากรรมดังกล่าว ทำท่าเสมือนแบกพยุงอาคารทั้งหลังเอาไว้ นอกจากยักษ์แล้วก็ยังมีพญาครุฑแบกสถาปัตยกรรมอีกด้วยนะ อเมซิ่งมากๆ นับเป็นความคิดสร้างสรรค์ของผู้สร้างจริงๆค่ะ บ่งบอกได้เลยว่าประสบการณ์ของผู้ออกแบบและผู้สร้างนั้น ผ่านกาลเวลาและการฝึกฝนมามากเลยทีเดียว     

ขอบคุณภาพจากวัดพระแก้ว 

คราวนี้เราไปดูกันเถอะว่า เมื่อมาถึงวัดพระแก้วแล้ว ควรเข้าไปสักการะบูชาสิ่งใดบ้าง ทางเราขอแนะนำว่าควรเริ่มต้นความเป็นสิริมงคลโดยการกราบไหว้ พระแก้วมรกตคู่บ้านคู่เมือง ขอพรได้ตามใจชอบเลยนะ มีหลายเสียงที่เล่าลือกันว่า พระแก้วมรกตของที่นี่ศักดิ์สิทธิ์มาก ขอพรอะไรสำเร็จทุกประการ จากไม่เคยคิดว่าจะได้ ก็กลับได้สิ่งนั้นๆอย่างมีปฏิหาริย์ บางคนมาขอพรเพื่อให้ตนประสบความสำเร็จทางด้านการงาน ก็ได้มาแล้วหลายราย บางคนขอในเรื่องโชคลาภก็ได้มาบ้าง ตรงนี้อยากให้มาลองขอพรกันเอาเองนะ เพราะแต่ละคนมีบุญวาสนาไม่เท่ากัน แต่สิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นจากการไหว้พระพุทธรูปแบบชาวพุทธอย่างเราๆ คือ ความสบายใจ และความเป็นสิริมงคลนั่นเอง นอกจากนี้ขอแนะนำว่าให้ตักน้ำมนต์กลับบ้านมาด้วย ถือเป็นซิกเนเจอร์เด็ดเลย เพราะว่าน้ำมนต์ของที่นี่นั้นศักดิ์สิทธิ์มากๆ หลายคนเชื่อว่าสามารถปัดเป่าสิ่งไม่ดีออกจากบ้าน หากเอาไปพรมหน้าบริษัทหรือหน้าบ้านจะทำให้มีความรุ่งเรือง และอยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุข จริงหรือไม่ทางเราไม่สามารถฟันธงได้ 100 เปอร์เซ็นต์ แต่ก็มีไม่น้อยเสียงนะที่กล่าวกันว่า เมื่อทำธุรกิจแล้วรู้สึกติดขัด หลังจากเอานำมนต์ไปรดไปพรม ก็กลับทำให้ธุรกิจดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง เอาล่ะคุณต้องไปลองเองแล้วล่ะค่ะ 

ขอบคุณภาพจาก 

ต่อด้วยการสะสมแต้มบุญอย่างต่อเนื่อง ณ ปราสาทพระเทพบิดร ภายในปราสาทแห่งนี้มีพระบรมรูปพระบุรพกษัตริย์ทั้ง 5 พระองค์ โดยการอัญเชิญของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๖) ไม่ต้องสงสัยเลยนะว่าทำไมถึงมีเพียง 5 พระองค์ จุดประสงค์ของพระองค์ท่าน คือ ต้องการให้ชนชาวไทยระลึกถึงความสามารถและความเสียสละของพระองค์ทั้ง 5 ที่ทำให้มีชาติไทยจวบจนทุกวันนี้ คนเฒ่าคนแก่บอกว่า หากใครอยากติดทหาร ตำรวจ หรือเป็นข้าราชการรับใช้ประชาชนไทย รับใช้แผ่นดินไทย ที่แห่งนี้เป็นที่เด็ดสำหรับคำขอดังกล่าวเอามากๆ ไปลองดูนะ

ขอบคุณภาพจากวัดพระแก้ว

จากนั้นมาตอกย้ำความเป็นสิริมงคลด้วยการกราบไหว้พระศรีรัตนเจดีย์ พระศรีรัตนเจดีย์ถูกสร้างขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว หรือในปี พ.ศ.2398 สถาปัตยกรรมมีลักษณะเป็นแบบทรงลังกา ทาด้วยสีทองอร่าม ภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ เป็นความมงคลอีกที่ในวัดพระแก้วที่อยากให้คุณทั้งหลายได้มากราบไหว้ นอกจากกราบไหว้แล้ว หากมีใจอยากจะถ่ายรูปขึ้นมาก็สามารถทำได้ แต่ก็ต้องคำนึงถึงความเหมาะสมของท่าถ่ายภาพด้วยนะคะ

ขอบคุณภาพจากวัดพระแก้ว

ยังไม่หมด ขึ้นชื่อว่าวัดพระแก้วแล้ว ไม่หมดหรือจบเพียงเท่านี้แน่นอน เพราะมีพื้นที่มากถึง 152 ไร่กว่าๆเชียวนะ หากจะจบเพียงเท่านี้ คงยังไม่ได้ใจสักเท่าไหร่ ดังนั้นแล้วทางเราขอแนะนำว่าให้ไปชมพิพิธภัณฑ์วัดพระศรีรัตนศาสดาราม มาดูกันก่อนว่าหน้าตารวมๆของพิพิธภัณฑ์นั้นเป็นอย่างไร พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นทรงยุโรป เห็นได้ชัดเลยใช่ไหคะ ว่าไทยเราได้รับอิทธิมาจากยุโรปตั้งแต่สมัยบรรพชนแล้ว ด้วยอาคารทาด้วยสีไข่ไก่อ่อนๆ สไตล์เดียวกับพระราชวังของไทยเรานี่เองค่ะ อาคารพิพิธภัณฑ์ให้ความเป็นไฮโซเก่ามากๆเลยค่ะ รู้สึกหรูหราตามอย่างบอกไม่ถูก และยังขบคิดเลยว่าฝีมือคนสมัยก่อนนั้นช่างมากความสามารถเหลือเกิน

ขอบอกเลยว่าแต่เดิมแรกเริ่มนั้น อาคารพิพิธภัณฑ์หลังนี้ สร้างขึ้นเพื่อเป็นธนาคารชาติดีๆนี่เอง เพราะอะไรรู้ไหมเอ่ย? ก็เพราะว่าเคยเป็นโรงกษาปณ์มาก่อน โปรดเกล้าฯให้สร้างโดยสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๕) เพื่อใช้ในการผลิตเงินตราใช้ภายในประเทศ เรียกได้ว่าที่นี่เสมือนกับธนคารแห่งประเทศไทยในปัจจุบันจริงๆ ที่นี้มาดูกันว่าในพิพิธภัณฑ์มีอะไรให้ชม ให้ศึกษากันบ้าง มาดูกันเลยดีกว่า โดยขอแบ่งเป็นชั้นบนกับชั้นล่าง มาเริ่มด้วยกันที่ชั้นล่างก่อนนะ

ชั้นล่าง จะจัดนิทรรศการเกี่ยวกับหินจัดสวน หรือหากพูดเป็นภาษาพระราชวังสามารถเรียกได้ว่ารูปจำหลักหินประดับสวน จำหลักหินเหล่านี้สวนมากสร้างขึ้นในรัชกาลที่ ๓ แต่เดิมนั้นถูกประดับเอาไว้รอบพระอุโบสถ ทำให้โดยแดดโดนฝน แต่เนื่องจากเจ้าหน้าที่ที่ดูแลมีความตระหนักว่า หากปล่อยเอาไว้ตามกาล อาจทำให้เสียหายได้ จึงจัดทำการเคลื่อนย้ายเอามาไว้ในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ เป็นความรู้ใหม่มากๆว่า การจัดสวนนั้นนิยมกันมานานนมแล้ว นอกจากนี้ยังมีปืนใหญ่และกระดูกช้างเผือกอีกด้วย 

ส่วนชั้นบนนั้น จัดแสดงหุ่นจำลองต่างๆภายในพระราชวัง มีพระพุทธปางต่างๆจัดแสดง มีเหรียญพระแก้วมรกตตั้งโชว์ตระการตามากๆ  

ขอบคุณภาพจากวัดพระแก้ว

จริงๆวัดพระแก้วมีอะไรให้ชมมากกว่าที่กล่าวไปเยอะมาก อยากให้ทุกคนเข้าไปสัมผัสกับศิลปะทางศาสนาที่ถูกรวบรวมมาตั้งสมัยรัชกาลที่ ๑ และอย่าลืมด้วยนะว่าการมาเที่ยวสถานที่แบบนี้ ควรจะต้องรู้กฏ และเคารพกฏเกณฑ์อย่างเคร่งครัด อยากบอกอีกอย่างที่หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่า คุณสามารถนำอาหารและเครื่องดื่มมานั่งทานได้ในบริเวณวัดพระแก้วได้ แต่ต้องรับประทานในจุดที่ทางวัดกำหนดให้เท่านั้น ก็เพราะเพื่อความสะอาดนั่นเอง 

ฺราคาค่าเข้าชม 
– สำหรับคนไทยฟรี ไม่มีเสียสักแดงเดียว นี่จึงเป็นเหตุว่าทำไมทางเราจึงอยากให้คนไทยทุกคนได้มาเยือนที่นี่ เพราะคุณจะได้ชมความอเมซิ่งของสถาปัตยกรรมต่างๆภายในวัดนั่นเอง และถือเป็นที่ที่เสพศิลปะได้เป็นอย่างดี
– ชาวต่างชาติ มีค่าเข้า 500 บาท แต่ไม่ได้เสียค่าเข้าโดยเสียเปล่านะ เพราะบัตรราคา 500 บาทมีทั้งหมด 3 ส่วน ส่วนแรกสามารถนำเอาไปเข้าชมพระบรมราชวัง วัดพระแก้ว และพิพิธภัณฑ์ได้ ส่วนที่สองใช้นำพิพิธภัณฑ์ศิลป์แผ่นดิน ณ ศูนย์ศิลปาชีพเกาะเกิด อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยาได้ ส่วนที่สามใช้ชมการแสดงโขน ณ โรงมหรสพหลวง ศาลาเฉลิมกรุงได้ เป็นคะ ถือว่าคุ้มากๆสำหรับบัตรราคา 500 บาท และสามารถซื้อตั๋วออนไลน์ล่วงหน้าอย่างน้อย 24 ชั่วโมงได้ที่เว็บไซต์วัดพระแก้วโดยตรง

เวลาทำการ 
เปิดทำการทุกวัน เวลา 08.30 – 15.30 แต่เนื่องจากช่วงนี้อยู่ในสถานการณ์โควิด – 19 การเปิดทำการอาจเปลี่ยนแปลงหรือปิดชั่วคราวตามความเหมาะสม เพื่อควบคุมโรคระบาด ดังนั้นแล้วทุกท่านสามารถติดตามข่าวสารได้ที่เว็บไซต์ของ วัดพระแก้ว ได้โดยตรง 

การเดินทาง
ตั้งอยู่ที่ ถนนหน้าพระลาน แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพฯ 1020 หรือเดินทางง่ายๆด้วย Ggogle Map เพียงคลิกการเดินทางที่นี่

คุณพึงพอใจกับโพสต์นี้หรือไม่

ให้คะแนนโพสต์

ความพึงพอใจโดยรวม 4.9 / 5. นับคะแนน 130

โพสต์ยังไม่มีคะแนน คุณสามารถเป็นคนแรกที่ให้คะแนนเรา