หากใครที่ติดตามข่าวสารในช่วงสถานการณ์โควิด ก็คงพอจะทราบแล้วว่า ช่วงนี้กระแสบินไปฉีดวัคซีนที่สหรัฐอเมริกากำลังมาแรงเลยทีเดียว และการท่องเที่ยวในสหรัฐฯกำลังกลับมาฟื้นฟูได้อีกครั้ง หลังต้องเผชิญมรสุมสู้กับเชื้อโควิดมาพักใหญ่ ตอนนี้เรียกได้ว่า ถ้าไปเที่ยวสหรัฐฯ สถานที่ท่องเที่ยวบางแห่งนั้น เริ่มปลอดภัย ถอดแมสก์กันบ้างแล้ว และถือเป็นโอกาสดีที่จะได้ฉีดวัคซีน mRNA ที่สหรัฐฯทั้ง 50 รัฐเปิดให้ฉีดฟรี โดยจะมีทั้งฉีดให้กับประชากรตัวเอง และนักท่องเที่ยวต่างชาติ แบบเดิน walk in เข้ามา ก็ได้รับวัคซีนเลย
โดยที่นี่จะมีวัคซีน fizer , J&J และ Moderna ใครที่ยังมีอายุวีซ่าเหลือ อยากจะเดินทางมาท่องเที่ยว และฉีดวัคซีน เราก็มีตัวเลือกใน 20 รัฐ ของสหรัฐอเมริกามาฝากกัน ซึ่ง 20 รัฐต่อไปนี้ เป็นรัฐที่เปิดให้ชาวต่างชาติฉีดได้ฟรีด้วยค่ะ
1. California
มาต่อกันที่รัฐแคลิฟอร์เนีย ที่เป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลก ได้ออกมาสัมผัสบรรยากาศที่แปลกใหม่ และแน่นอนว่า แลนด์มาร์คที่แรกที่ทุกคนนึกถึงก็คือ Golden Gate ที่นี่เปิดให้นักท่องเที่ยวต่างชาติมาฉีดวัคซีนได้ สถานที่ท่องเที่ยวอื่น ๆ ที่ต้องมาเยือน ได้แก่ อุทยานแห่งชาติ Yosemite , สวนสนุกดิสนีย์แลนด์ ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองอนาไฮม์ , ถ้าชอบวิวสวย ๆ ต้องแวะมาที่ทะเลสาบทาโฮ และอย่าลืมไปถ่ายรูปกับบ้านต้นไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่ Sequoia National Park ด้วยนะ
2. Hawaii
สำหรับรัฐนี้ ตั้งอยู่ในหมู่เกาะฮาวายในมหาสมุทรแปซิฟิก พอพูดถึงฮาวาย ก็ต้องนึกถึงบรรยกาศทะเล น้ำสีสวย ๆ วิวแจ่ม ๆ ซึ่งในรัฐนี้ เปิดให้พลเมืองสหรัฐฯ และนักท่องเที่ยวมาฉีดวัคซีนได้ฟรี ตามจุดและสถานที่ต่าง ๆ ที่รัฐบาลจัดเตรียมไว้ให้ สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวที่ชื่อเสียง ต้องยกให้ ชายหาด Waikiki , อนุสาวรีย์รัฐ Diamond Head , เขตอนุรักษ์ธรรมชาติ Hanauma Bay , Volcanoes National Park หรือใครที่ชอบการเดินเขา หากิจกรรมท้าทายทำล่ะก็ ต้องมาพิชิตไวเมอาแคนยอน หรือ “Grand Canyon of the Pacific” หุบเขาสูงในเกาะฮาวาย และสุดท้ายห้ามพลาดแวะไปชมภูเขาไฟฮาเลอาคาลา ที่เราจะได้เห็นปากปล่องภูเขาไฟ ท่ามกลางวิวสุดอลังการ
3. Florida
เมื่อเอ่ยชื่อรัฐฟลอริด้า แน่นอนว่าต้องนึกถึงหาดไมอามี่ เป็นรัฐที่มีประชากรหนาแน่นมากเป็นอันดับ 8 ในสหรัฐฯ เปิดให้ชาวต่างชาติฉีดวัคซีนได้ฟรี ส่วนสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจ ก็จะมี แหลมแคนาเวอรัล , ดิสนีย์เวิลด์ , ยูนิเวอร์เซิลออร์แลนโด , Kennedy Space Center , Miami Beach และอุทยานแห่งชาติเอเวอร์เกลดส์
4. Iowa
สำหรับไอโอวา ก็เป็นรัฐที่มีความโรแมนติก และเป็นที่โดดเด่นเรื่องศิลปะ ดนตรี เช่นกัน มีแหล่งช้อปปิ้งเยอะ มีสวนสาธารณะหลายแห่ง และยังมีแม่น้ำมิสซิสซิปปีไหลผ่าน สร้างบรรยากาศดีสุด ๆ อีกทั้งยังมีคาสิโน่ โรงละคร และมิวเซียมเยอะ ใครที่ชื่นชอบแนวอาร์ต ๆ จะต้องถูกใจ สถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง ได้แก่ State Historical Society of Iowa Museum , Mercy Medical Center , และเล่นสเก็ตที่ Mason City
5. Maryland
รัฐแมริแลนด์ เป็นรัฐที่อยู่ทางฝั่งตะวันออกของสหรัฐฯ เป็นเขตที่เต็มไปด้วยความเจริญทางอุตสาหกรรม และมีเมืองติดริมทะเล เป็นสถานที่ท่องเที่ยว ที่มีผู้คนเดินทางมาพักผ่อนจำนวนมากในช่วงหน้าร้อน สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ ๆ ก็จะมี ชายหาด โอเชียนซิตี้ , สนาม Oriole Park at Camden Yards , , C&O Canal Towpath นักท่องเที่ยวนิยมมาเดินเทรลในป่า และกิจกรรมที่ห้ามพลาดคือ ล่องเรือในอ่าวเชซาพีก และทานปูม้าสด ๆ เพราะในรัฐนี้ขึ้นชื่อเรื่องปูม้า
6. Michigan
สำหรับรัฐนี้ ก็เป็นรัฐที่มีเรื่องราวความเป็นมาอย่างยาวนาน และชื่อของรัฐ ก็มาจากชื่อทะเลสาบมิชิแกนด้วย ที่นี่เปิดให้พลเมืองสหรัฐฯ ฉีดวัคซีนได้ฟรี และยังอนุญาตให้ชาวต่างชาติ ทั้งที่มาท่องเที่ยว และพำนักในประเทศฉีดฟรีด้วย สถานทีท่องเที่ยวน่าสนใจ ก็มีทั้งเกาะ ทะเล และสวนสาธารณะที่ตกแต่งไว้อย่างสวยงาม เช่น เกาะ Mackinac , อุทยานแห่งชาติ Isle Royale , สะพาน Mackinac และเกาะวินด์มิล
7. Montana
มอนตานา เป็นรัฐที่ใหญ่อันดับ 4 ของประเทศเลยทีเดียว แหล่งธรรมชาติยังงดงามน่าค้นหา ใครที่ชอบความเป็นธรรมชาติ น้ำตก ลำธาร ภูเขา ต้องแวะมาเที่ยว และที่นี่ยังเปิดให้ฉีดวัคซีนเสรี ไม่จำกัดเฉพาะพลเมืองสหรัฐฯด้วย ไม่ต้องจองล่วงหน้า เพียง Walk in เข้ามาแจ้งเจ้าหน้าที่ได้เลย ในส่วนของสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจ ได้แก่ อุทยานแห่งชาติ Glacier ตั้งอยู่ใกล้ชายแดนแคนาดา มีเส้นทางเดินป่ายาว และวิวสวยมาก ๆ , ทะเลสาบแมคโดนัลด์ , Big Sky Resort และ Yellowstone National Park
8. South Carolina
รัฐนี้มีพื้นที่ติดต่อกับมหาสมุทรแอตแลนติก โดยชื่อของรัฐตั้งตั้งตามชื่อของ พระเจ้าชาลส์ที่ 2 ของอังกฤษด้วย ถือนึกถึงสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง ต้องยกให้ หาดไมร์เทิล เพราะในช่วงหน้าร้อน นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางมาเล่นน้ำ ปิกนิก และพักผ่อนวันหยุดกับเพื่อน ครอบครัว นอกจากนี้ยังมีสถานที่เที่ยวน่าสนใจหลายแห่งด้วย เช่น เกาะ Hilton Head , สวนสาธารณะ Caesars Head , Dupont Planetarium และย่านประวัติศาสตร์ ชาร์ลสตัน
9. Texas
รัฐนี้จะมีประชากรราว ๆ 25 ล้านคน อาศัยอย่างหนาแน่น คึกคัก และเต็มไปด้วยมหาวิทยาลัยชั้นนำ สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติก็โดดเด่น มีเอกลักษณ์ สถานที่ท่องเที่ยว ที่มีชื่อเสียง ได้แก่ อุทยานแห่งชาติเทือกเขา Guadalupe , อุทยานแห่งชาติ Big Bend , Cadillac Ranch อามาริลโล , ศูนย์อวกาศฮูสตัน และ Texas Bluebonnets
10. Virginia
สำหรับรัฐเวอร์จิเนีย จะอยู่ติดต่อกับรัฐแมริแลนด์ รัฐนี้ขึ้นชื่อเรื่องวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม ถนนทุกหนแห่งจะมีพื้นที่ติดภูเขา และทะเล เปิดให้ชาวต่างชาติมาฉีดวัคซีนฟรีได้ด้วย สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ ๆ ก็จะมี Virginia Beach Boardwalk ท่าเทียบเรือริมทะเล เป็นทั้งแหล่งพักผ่อน เดินเล่น ถ่ายรูป , เดินป่า และชมวิวธรรมชาติที่ Shenandoah Valley , ชมพิพิธภัณฑ์เรือ Battleship Wisconsin at Nauticus และ ชมถ้ำที่มีความงดงามที่ Luray Caverns
11. New York
ขึ้นชื่อว่าเป็นมหานครยักษ์ใหญ่แห่งอเมริกา สำหรับ “นิวยอร์ก” ที่ถือว่า เป็นจุดหมายของนักท่องเที่ยวทั่วโลก และเปิดให้ชาวต่างชาติมาฉีดวัคซีนได้ฟรีด้วย ที่นี่เต็มไปด้วยแหล่งช้อปปิ้ง สวนสาธารณะสวย ๆ หลายแห่ง ส่วนสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ ได้แก่ เทพีเสรีภาพ Statue of Liberty , Empire State Building , Central Park , และ Times Square
12. North Carolina
สำหรับรัฐนอร์ทแคโรไลนา ตั้งอยู่โซนตะวันออกเฉียงใต้ของสหรัฐฯ มีเขตแดนติดกับมหาสมุทรแอตแลนติก อุดมสมบรูณ์ด้วยแหล่งธรรมชาติ และมีมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงมากมาย ในส่วนสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ คือ Blue Ridge Parkway ถนนที่มีวิวทิวทัศน์สวยงามตลอดข้างทาง , หุบเขาและน้ำตก Linville , สวนสัตว์ North Carolina , ชายฝั่ง Cape Hatteras และอุทยาน Chimney Rock State Park
13. Oklahoma
รัฐนี้ ถือว่าเป็นรัฐที่มีความเจริญทางเศรษฐกิจสูงมาก เป็นผู้ผลิตก๊าซธรรมชาติ น้ำมันปิโตรเลียมและอาหารรายใหญ่ในสหรัฐฯ บรรยากาศรอบ ๆ เมือง จะมีเทือกเขา ป่าอุดมสมบรณู์ นักท่องเที่ยวนิยมมาเดินป่ากันเยอะ อากาศไม่ร้อน สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจ ได้แก่ Myriad Gardens , คลอง Bricktown Paul Sableman , สวนสัตว์ Oklahoma , สวนสนุก Frontier City และพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ Oklahoma katsrcool
14. Louisiana
สำหรับรัฐลุยเซียนา รัฐนี้ได้รับวัฒนธรรมที่ผสมผสานจากฝรั่งเศส จะใช้ภาษาทางการทั้งอังกฤษและฝรั่งเศส ในช่วงต้นปี ประมาณก.พ. -มี.ค. จะมีงานประจำปี จัดอย่างยิ่งใหญ่ที่ ที่นิวออร์ลีนส์ ใครที่มาท่องเที่ยวช่วงนี้ จะได้รับชมความอลังการของขบวนพาเหรดด้วย ส่วนสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจ ได้แก่ ย่าน French Quarter จะมีตึกเก่าแก่ สไตล์วินเทจเยอะ มาเดินเล่นถ่ายรูปเพลิน ๆ ได้ , พิพิธภัณฑ์สงครามโลกครั้งที่สอง , สวนดอกไม้ Rosedown และพิพิธภัณฑ์รถไฟ DeQuincy
15. Illinois
สำหรับรัฐอิลลินอยส์ ตั้งอยู่ทางตอนกลางของสหรัฐฯ เป็นที่ตั้งของเมืองที่มีชื่อเสียง อย่าง “ชิคาโก” และเป็นรัฐที่การศึกษาโดดเด่น มีมหาวิทยาลัยชั้นนำเพียบ รวมทั้งยังเต็มไปด้วยพิพิธภัณฑ์ การออกแบบสถาปัตยกรรมตึกสูงต่าง ๆ โดดเด่นมีเอกลักษณ์ ในส่วนสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจ ได้แก่ Willis Tower Skydeck ,สวนสาธารณะมิลเลนเนียมพาร์ค ,SeaWorld Orlando สวนสนุกขนาดใหญ่ ที่มีชื่อเสียงเรื่องโชว์ปลาโลมา , ช้อปปิ้งที่ย่าน Magnificent Mile ในชิคาโก และท่าเรือ Navy Pier สามารถมาเดินเล่น ปั่นจักรยานรับลม ชมวิวได้
16. Massachusetts
ถือเป็นรัฐใหญ่อีกแห่งในสหรัฐฯ เพราะประกอบไปด้วย 50 เมืองขนาดใหญ่ ในรัฐแมสซาชูเซตส์ ยังเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยชื่อดังหลายแห่ง เช่น ฮาร์วาร์ด สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ มหาวิทยาลัยทัฟส์ นอกจากนี้ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจ เช่น Freedom Trail ,หาด Cape Cod , ชมปลาวาฬที่ Stellwagen Bank National Marine Sanctuary และเที่ยวเกาะไร่องุ่น Martha’s
17. New Hampshire
ที่รัฐนิวแฮมป์เชียร์เป็นที่ตั้งของ สนามแข่งรถนานาชาตินิวแฮมป์เชียร์ สนามแข่งรัฐชื่อดัง เป็นรัฐเล็ก ๆ ในสหรัฐฯ ที่ประชากรไม่หนาแน่นมาก แหล่งท่องเที่ยวส่วนใหญ่ ก็จะเน้นความเป็นธรรมชาติ แต่ก็ยังเปิดให้นักท่องเที่ยวต่างชาติมาฉีดวัคซีนได้ฟรีด้วย มีสถานที่ท่องเที่ยว และกิจกรรมน่าสนใจ ได้แก่ ปีนเขาที่ Mount Washington , ชมอุทยานแห่งชาติฟรานโกเนียนอท ช่วงใบไม้เปลี่ยนสี บรรยากาศดีมาก ,ทางรถไฟคอนเวย์ , สวนน้ำ Whales Tale และเล่นสกีที่ Attitash Mountain Resort
18. New Mexico
รัฐนิวเม็กซิโก ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ ของสหรัฐฯ ติดกับประเทศเม็กซิโกมากที่สุด นิยมใช้ภาษาสเปนในการสื่อสาร สำหรับสถานที่ท่องเที่ยว จะโดดเด่นเรื่องถ้ำ ทะเลทราย และอุทยาน โดยมีสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง ได้แก่ อุทยานแห่งชาติ Carlsbad Caverns , White Sands ,เทศกาล Albuquerque International Balloon Fiesta , Taos Pueblo , ดชมวิว Cumbres-Toltec และ Taos Ski Valley เนินเขาที่นักท่องเที่ยวนิยมมาเดินพิชิตในช่วงหิมะตก และเล่นสกีด้านล่าง
19. Ohio
ปิดท้ายกับรัฐโอไฮโอ รัฐที่ขึ้นชื่อว่าเป็นรัฐที่มีป่าไม้มากที่สุดในสหรัฐฯ เปิดให้พลเมืองอเมริกา และชาวต่างชาติฉีดวัคซีนฟรี มีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจหลายแห่ง แหล่งช้อปปิ้งครบครัน มีโรงละคร และโรงกลั่นไวน์ นอกจากนี้ยังมีสวนสาธารณะสวย ๆ หลายแห่งเช่นกัน ที่เที่ยวน่าสนใจ ได้แก่ เดินเล่นในย่านคลีฟแลนด์ , สวนสนุกซีดาร์ พอยท์ , พิพิธภัณฑ์ Rock & Roll Hall of Fame , ตลาด West Side Market และ Great American Ball Park
20. Alabama
เริ่มต้นกันที่รัฐแอละแบมา ซึ่งถือว่าเป็นรัฐที่มีพื้นที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ เลยทีเดียว ประชากรหนาแน่น สถานที่ท่องเที่ยว และแลนมาร์คสำคัญล้วนอยู่ที่นี่ ในรัฐนี้จะมีการเปิดให้พลเมืองสหรัฐฯ และนักท่องเที่ยวต่างชาติทั่วโลก ที่เดินทางมาเยือน เข้าฉีดวัคซีนได้ฟรี แบบไม่ต้องลงทะเบียนใด ๆ ให้ยุ่งยากเลย สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจ ได้แก่ หาดกัลฟ์ชอร์ส (Gulf Shores) , เดินป่าที่ Sipsey Wilderness , แวะไปถ่ายรูปเล่นที่ ท่าเรือ The Wharf , และเล่นเครื่องเล่นย้อนวัยเด็ก ที่สวนสนุก Adventure Island
ทีนี้ก็มีข้อมูลคร่าว ๆ กันแล้วใช่มั้ยล่ะ ว่าจะวางแผนมาเที่ยวรัฐไหนบ้าง ถ้าอยากจะฉีดวัคซีนแบบ 2 โดสอย่างไฟเซอร์ ก็อาจจะต้องหาที่พัก และที่เที่ยวนานถึง 1 เดือน แต่ถ้าสะดวกจะฉีดวัคซีนของ จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน ก็สามารถรับเพียงโดสเดียว ก็สามารถวางแผนเวลาได้ง่ายขึ้น แต่ถ้าไหน ๆ เราบินลัดฟ้า สู้เดินทางมาแล้ว ก็แวะหาที่เที่ยวต่อสักนิด เพราะช่วงนี้ยังไม่มีประเทศไหนเปิดอย่างเต็มรูปแบบ การได้มาเที่ยวเปิดหู เปิดตา อาจจะทำให้จิตใจเราเบิกบานขึ้นได้ค่ะ
